กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ก่อนสิ้นสุดฤดูฝน พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

กรมชลประทาน เดินหน้าบริหารการเก็บกักน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ก่อนสิ้นสุดฤดูฝน พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

Share on facebook
Share on twitter
Share on email

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (11 ส.ค. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 38,299 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีกรวม 37,768 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 8,235 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 1,539 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 16,636 ล้าน ลบ.ม.

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเพาะปลูกข้าวนาปี ปัจจุบันมีการทำนาปีไปแล้วทั้งประเทศรวม 13.26 ล้านไร่ คิดเป็น 79% ของแผนฯ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพาะปลูกไปแล้ว 6.23 ล้านไร่ คิดเป็น 78% ของแผนฯ เฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำบางระกำเก็บเกี่ยวแล้วประมาณ 165,000 ไร่ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จทั้งหมด (265,000 ไร่) ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ส่วนพื้นที่ที่เหลือคาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับน้ำหลากต่อไป

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้ติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุตนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่ยังคงมีปริมาณน้ำท่าค่อนข้างน้อย ต้องบริหารจัดการน้ำด้วยความระมัดระวัง ภายใต้ปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการรับมือสถานการณ์น้ำทุกช่วงเวลาให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อลดผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง