“เฉลิมชัย” สั่งกรมปศุสัตว์เร่งทำแผนแก้หมูแพงทั้งระบบพร้อมเตรียมหารือกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดผลกระทบต่อประชาชนผูบริโภค

“เฉลิมชัย” สั่งกรมปศุสัตว์เร่งทำแผนแก้หมูแพงทั้งระบบพร้อมเตรียมหารือกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดผลกระทบต่อประชาชนผูบริโภค

Share on facebook
Share on twitter
Share on email

“เฉลิมชัย” สั่งกรมปศุสัตว์เร่งทำแผนแก้หมูแพงทั้งระบบพร้อมเตรียมหารือกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดผลกระทบต่อประชาชนผูบริโภค

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกณ์เปิดเผยว่าล่าสุดำด้สั่งการให้อธิบดีกรมปศุสัตว์กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาปริมาณสุกรที่ลดลง จนส่งผลให้ราคาจำหน่ายสูงขึ้น โดยต้องครอบคลุมทุกปัจจัยตั้งแต่ ปัจจัยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะอาหารสัตว์และยารักษาโรคแพง ปัจจัยการพบโรคระบาดในสุกรที่เนื่องจากต้องทำลายสุกรเพื่อควบคุมโรค อีกทั้งก่อนหน้านี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก รายย่อย และรายกลางเกิดความตื่นตระหนกต่อข่าวของการเกิดโรคระบาดในสุกรจึงได้เร่งขายสุกรมีชีวิตออกจากฟาร์ม เมื่อพักคอกแล้ว เกษตรกรรายย่อยและรายเล็กส่วนหนึ่งหยุดเลี้ยงเนื่องจากไม่ได้ปรับระบบการเลี้ยงให้มีความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) เพื่อควบคุมโรค จึงเกรงว่า หากสุกรติดโรคระบาดจะเสียหายมาก ส่งผลให้ปริมาณสุกรในระบบการผลิตลดลง แต่ยังความต้องการบริโภคยังสูง

ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์เตรียมมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวไว้แล้ว โดยจะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กรมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เพื่อแก้ปัญหาร่วมกันโดยเร็วต่อไป

ด้านนายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่ากรมปศุสัตว์ ได้จัดทำมาตรการแก้ไขปัญหาราคาสุกรสูงขึ้น 3 ระยะคือ1. มาตรการระยะด่วนได้แก่การห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อสุกรภายในประเทศให้มากขึ้น การช่วยเหลือด้านราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเช่น การงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษี การจัดสินเชื่อพิเศษของธ.ก.ส. เพื่อให้เกษตรกรที่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขได้ กลับมาเลี้ยงใหม่ในพื้นที่ความเสี่ยงต่ำ การตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนที่เกิดขึ้น พร้อม เร่งสำรวจภาพรวมสถานการณ์การผลิตสุกรเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสม
และเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทนโดยให้เกษตรกรใช้สุกรขุนตัวเมียมาใช้ทำพันธุ์ชั่วคราว
เร่งรัดเจรจาฟาร์มรายใหญ่ในการสรรและกระจายพันธุ์และลูกสุกรขุนให้กับรายย่อยและเล็กที่ต้องการกลับเข้ามาสู่ระบบใหม่กำหนดโซนเลี้ยงและออกมาตรการบังคับใช้อย่างเหมาะสมเพื่อควบคุมโรค และเร่งรัดการวิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันโรค

ส่วนมาตรดารที่2 คือมาตรการระยะสั้นได้แก่
การส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศการขยายกำลังผลิตแม่สุกรสนับสนุนศูนย์วิจัยและบำรุงสัตว์ ในสังกัดกรมปศุสัตว์และเครือข่ายคู่ขนานกับฟาร์มเกษตรกรและภาคเอกชน การศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อลดความสูญเสียจากโรคระบาด

ขณะที่มาตรการที่3 คือ มาตรการระยะยาวได้แก่
การปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกพืชอื่น แล้วส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อทดแทนการนำเข้า หรือส่งเสริมการผลิตข้าวโพดในฤดูแล้งให้มากขึ้นการยกระดับมาตรการปรับปรุงระบบ Biosecurity ในการเลี้ยงสุกรให้เป็น GAP หรือ GFM ซึ่งจะป้องกันโรคได้ดีขึ้น
ใช้ยุทธศาสตร์การควบคุมโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) เพื่อส่งเสริมการส่งออกสุกรไปต่างประเทศ
ใช้ระบบการติดตามการเคลื่อนย้ายสุกร Tracking Smart Logistics พร้อมทั้งศึกษาและพัฒนาการปรับปรุงพันธุ์สุกรให้ได้สุกรพันธุ์ดีและทนทานต่อโรคระบาด ศึกษาและพัฒนาการลดต้นทุนการเลี้ยงสุกรทั้งวงจรโดยกรมปศุสัตว์จะเร่งหารือกับทุกภาคส่วนเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนจากราคาเนื้อสุกรสูงขึ้นโดยเร็วต่อไป

อย่างไรก็ตามจากการประเมินจำนวนสุกรทั้งประเทศในปี 2564 ในการตรวจสอบจากการขออนุญาตเข้าฆ่าและส่งออกพบว่า รวมสุกรขุนทั้งประเทศ 19.27 ล้านตัวแบ่งเป็น สุกรเข้าฆ่า 18.29 ล้านตัวและส่งออก 0.98 ล้านตัว หรือลดลงร้อยละ 13
/////

บทความที่เกี่ยวข้อง