กรมประมงเตือนห้ามทำประมงด้วยการใช้กระแสไฟช๊อตปลาเด็ดขาด ฝ่าฝืนโทษปรับหนักกว่า 1 ล้านบาท เหตุทำลายสัตว์น้ำอย่างรุนแรง

กรมประมงเตือนห้ามทำประมงด้วยการใช้กระแสไฟช๊อตปลาเด็ดขาด ฝ่าฝืนโทษปรับหนักกว่า 1 ล้านบาท เหตุทำลายสัตว์น้ำอย่างรุนแรง

Share on facebook
Share on twitter
Share on email

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมง ได้มีการประกาศเตือนห้ามใช้กระแสไฟฟ้าในการทำประมง” โดยวิธีการช๊อตปลาเด็ดขาดเนื้องจากการจับสัตว์น้ำด้วยวิธีดังกล่าวทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำทุกชนิดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะสัตว์น้ำวัยอ่อนทนกระแสไฟไม่ได้เสี่ยงพิการ หรือ ตายได้ ส่งผลต่อวงจรชีวิตสัตว์น้ำ เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลซึ่งหากตรวจพบว่ามีการกระทำดังกล่าวจะมีความผิดตามกฎหมายโดยมีอัตราโทษปรับสูงถึง 1,000,000 บาท( 1ล้านบาท)ตามมาตรา 60 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และฉบับแก้ไข

ทั้งนี้ พระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 60 ได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดใช้กระแสไฟฟ้าทำการประมง เนื่องจากการทำการประมงด้วยกระแสไฟฟ้าเป็นลักษณะการใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือ แบตเตอรี่ ผ่านเครื่องแปลงกระแสไฟต่อกับอุปกรณ์ที่เป็นตะแกรงหรือเหล็กปล่อยกระแสไฟฟ้า จุ่มลงไปในน้ำที่เป็นที่จับสัตว์น้ำ เพื่อให้กระแสไฟฟ้าช๊อตทำอันตรายสัตว์น้ำแล้วเก็บเอาสัตว์น้ำนั้นมาใช้ประโยชน์ ส่งผลทำให้สัตว์น้ำทุกชนิดที่อยู่บริเวณนั้น และสัตว์น้ำวัยอ่อนขนาดเล็กที่ทนกระแสไฟฟ้าไม่ได้จะตาย หรือพิการ ผู้ที่ใช้กระแสไฟฟ้าทำการประมงจะเก็บเฉพาะสัตว์น้ำที่ต้องการมาใช้ประโยชน์เท่านั้น ทำให้เกิดการสูญเสีย และทำลายวงจรชีวิตสัตว์น้ำ การใช้กระแสไฟฟ้าจึงเป็นการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างรุนแรง เกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก ดังนั้น กฎหมายจึงได้บัญญัติห้ามใช้กระแสไฟฟ้าทำการประมงโดยเด็ดขาด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีใช้อย่างยั่งยืนภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนเกิดความมั่นคงในการประกอบอาชีพและสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนรับทราบข้อกฎหมายและความตระหนักในการดูแลทรัพยากรสัตว์น้ำ

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสถิติผลคดีการจับกุมผู้กระทำผิดในการใช้กระแสไฟฟ้าการทำประมง ในปีที่ผ่าน พบคดีมีสูงถึง จำนวน 161 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 109 ราย โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำจืด และล่าสุดในปี 2564 จนถึงปัจจุบัน พบมีผู้กระทำความผิดในคดีดังกล่าวแล้วกว่า 62 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 42 ราย ซึ่งผู้กระทำผิดลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าทำการประมงต้องระวางโทษมีอัตราการเปรียบเทียบปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท หรือปรับจำนวน 5 เท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า อีกทั้ง ผู้ที่ครอบครองสัตว์น้ำที่ได้จากการใช้กระแสไฟฟ้าทำการประมง ไว้เพื่อการค้าต้องระวางโทษปรับ 10,000 บาท หรือ ปรับจำนวน 5 เท่า ของมูลค่าสัตว์น้ำที่มีไว้ในครอบครองแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า ขณะเดียวกันตามบทบัญญัติ มาตรา 166 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ยังบัญัคิว่าผู้สนับสนุนหรือผู้ได้รับผลตอบแทนจากการกระทำความผิด เช่น ผู้จัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ทำหรือประกอบอุปกรณ์ทำการประมงด้วยกระแสไฟฟ้า ก็เข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดและต้องได้รับโทษทางกฎหมายด้วยเช่นกัน ด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง
boonmarket

มูลนิธิรามาธิบดีฯ จัดงาน “บุญมาร์เก็ต” งานแฟร์ใจฟูทั้งผู้ให้ และผู้รับ อิ่ม ฟิน ช้อป พร้อมกระทบไหล่ศิลปินดาราดัง 1-7 พ.ค.นี้ ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต รายได้นำไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ รพ. รามาธิบดี