กรมหม่อนไหม หนุนอนุรักษ์ผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่ง มรดกทางวัฒนธรรมสุดท้ายของกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือตอนล่าง

กรมหม่อนไหม หนุนอนุรักษ์ผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่ง มรดกทางวัฒนธรรมสุดท้ายของกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือตอนล่าง

Share on facebook
Share on twitter
Share on email

กรมหม่อนไหม หนุนอนุรักษ์ผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่ง มรดกทางวัฒนธรรมสุดท้ายของกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือตอนล่าง

นายศรัญญู พูลลาภ รองอธิบดีกรมหม่อนไหมเปิดเผยว่ากรมหม่อนได้มีการขับเคลื่อนการอนุรักษ์มีลายผ้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นโดยผ้าซิ่นตีนจกลาวครั่ง ถือเป็นลายผ้าโบราณที่เกิดจากหมู่ บ้านสระยายชี ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่ง เป็นชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่ง ที่อพยพมาจากเมืองหลวงพระบาง ช่วงรัชกาลที่ 1 นอกจากการทำนา ที่เป็นอาชีพหลักแล้ว การทอผ้าไหม ผ้าฝ้าย ก็ยังเป็นวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษที่เป็น มรดกทางวัฒนธรรมสุดท้ายของกลุ่มชาติพันธุ์ในภาคเหนือตอนล่าง ที่ยืนหยัดมากว่า 2 ศตวรรษ

ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์มีลายผ้าลายโบราณ
กรมหม่อนไหมได้เข้ากรมหม่อนไหม โดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ตาก สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 1 จึงได้เข้ามาส่งเสริมและพัฒนา ด้วยการฝึกอบรมการทอ การออกแบบลวดลาย การรับรองมาตรฐานตรานกยูงพระราชทาน ตลอดจนสนับสนุนปัจจัยการผลิต และจัดตั้งธนาคารเส้นไหม โดยได้รับงบประมาณจากกรมหม่อนไหม มีสมาชิก 24 ราย สมาชิกได้ใช้ประโยชน์จากธนาคารเส้นไหม มีงานทำและมีรายได้ต่อเนื่อง ปัจจุบันมีเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มประมาณ 100,000 บาท

อย่างไรก็ตามปัจจุบันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิต-19 ส่งผลกระทบต่อการผลิต และการจำหน่ายผ้าไหมของกลุ่ม ประกอบกับเยาวชนรุ่นหลัง ไม่เห็นความสำคัญของภูมิปัญญาการใช้ผ้าไหม ซึ่งสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 1 และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ตาก จะได้จัดทำแผนสนับสนุนด้วยการจัดหาช่องทางการจำหน่าย พัฒนาลวดลายให้ตรงกับความต้องการของตลาด และสร้างทายาทหม่อนไหมในโรงเรียนต่อไป

/////

บทความที่เกี่ยวข้อง