ชป.เตรียมรับมือพายุโซนร้อน “คมปาซุ”  

ชป.เตรียมรับมือพายุโซนร้อน “คมปาซุ”

Share on facebook
Share on twitter
Share on email


 
กรมชลประทาน เตรียมพร้อมรับมือพายุโซนร้อน “คมปาซุ”เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม  และน้ำล้นตลิ่ง พายุโซนร้อน 13 – 14 ตุลาคม 2564 นี้
 
 นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าจากการประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่องพายุโซนร้อนกำลังแรง “คมปาซุ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 13 – 14 ตุลาคม 2564 จะอ่อนกำลังลง และทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ประกอบกับในช่วงวันที่ 12 – 16 ตุลาคม 2564 ร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่
 
 
ทั้งนี้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์ (ONE MAP) แล้วพบว่า มีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังระดับน้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในช่วงวันที่ 13 – 20 ตุลาคม 2564 โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ  *แม่น้ำมูล ได้แก่จังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอประโคนชัย อำเภอสตึก และอำเภอคูเมือง จังหวัดสุรินทร์ อำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูมจังหวัดศรีสะเกษ อำเภอเมืองศรีสะเกษ และอำเภอราษีไศล ภาคกลาง บริเวณ  แม่น้ำป่าสัก ได้แก่
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือจังหวัดสระบุรี  อำเภอเมืองสระบุรี แม่น้ำลพบุรี ได้แก่จังหวัดลพบุรี  อำเภอเมืองลพบุรีแม่น้ำท่าจีน  ได้แก่จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอสองพี่น้อง ด้านภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด ภาคตะวันตก ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี ภาคใต้ จังหวัดระนอง และพังงา
 
ขณะที่การเฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้น กระทบบริเวณพื้นที่ท้ายอ่างฯจากดารตรวจสอบพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดนครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสกลนคร ภาคตะวันออก ที่จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคกลาง ที่จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี และสระบุรีภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี
 
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่เพิ่มขึ้น นั้นได้สั่งการโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศรวมทั้งสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ  พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 หรือเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ พิจารณาปรับการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้น และเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก  ตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลประทานให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำทำได้ดียิ่งขึ้นรวมทั้งเตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ และระบบสื่อสารสำรอง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันที โดยได้เน้นย้ำให้ทำการประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนถึงสถานการณ์น้ำ ล่วงหน้า ให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์
////

บทความที่เกี่ยวข้อง
boonmarket

มูลนิธิรามาธิบดีฯ จัดงาน “บุญมาร์เก็ต” งานแฟร์ใจฟูทั้งผู้ให้ และผู้รับ อิ่ม ฟิน ช้อป พร้อมกระทบไหล่ศิลปินดาราดัง 1-7 พ.ค.นี้ ที่เซ็นทรัล เวสต์เกต รายได้นำไปช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ รพ. รามาธิบดี